สรุปสาระสำคัญ
การจัดกิจกรรมสร้างองค์ความรู้จากกลุ่มชุมชนนักปฏิบัติ
กลุ่มความเชี่ยวชาญ/ ความเป็นเลิศด้านบริการวิชาการ
ในหัวข้อ กินอย่างไรผู้สูงวัยหัวใจแข็งแรง
โดย รองศาสตราจารย์ ดร.วีนัส ลีฬหกุล
ในวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม 2553 เวลา 12.00-14.00 น. ณ ห้อง 1103/3 คณะพยาบาลศาสตร์
ในการประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมการประชุม จำนวน 15 คน ส่งคืนแบบสอบถามจำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 80.0 ซึ่งผู้เข้าร่วมการประชุมส่วนใหญ่เป็นอาจารย์และบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการ
สำหรับประเด็นในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในวันนี้จะประกอบด้วย 3 ประเด็นหลัก คือ
- ทำไมต้องศึกษาเรื่องนี้
จากการศึกษาของนักวิจัย ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ต่างมีข้อมูลสนับสนุนให้เห็นถึงอัตราการเสียชีวิตและความเสี่ยงของคนในช่วงวัยต่างๆ ตัวอย่างเช่น อัตราการตายของประชากรในสหรับอเมริกาจากโรคหัวใจ ในป 1900-2006 (ที่มา NCHC และ NHLBL) ได้แสดงให้เห็นแนวโน้มอัตราการตายที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ อัตราการเจ็บป่วยจากโรคหัวใจของเพศชายและเพสหญิงของประชากรในสหรัฐอเมริกา ในปี 1979-2006 แสดงให้เห็นว่า แนวโน้มอัตราการเจ็บป่วยในเพศหญิงมีแนวโน้มสูงขึ้น แตกต่างจากเพศชายที่มีแนวโน้มที่ลดลง และอัตราความชุกของการเป็นโรคหัวใจในวัยผู้ใหญ่ อายุ 20 ปีขึ้นไป จำแนกตามอายุและเพศ ระหว่างปี 2003-2006 แสดงให้เห็นว่าประชากรในวัยสูงอายุในกลุ่มอายุ 60-79 ปี และอายุ 80 ปีขึ้นไป มีอัตราการป่วยที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในเพสชายและเพศหญิง
นอกจากนี้ ความชุกของโรคหลอดเลือดสมองจำแนกตามเพศ จะพบว่า ในวัยผู้สูงอายุในเพศชาย อายุตั้งแต่ 60-79 ปี มีอัตราการป่วยมากกว่าเพศหญิง เมื่อพิจารณาความชุกของความดันโลหิตสูงในวัยผู้ใหญ่ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป จำแนกตามเพศและอายุ ในปี 2003-2006 พบว่า กลุ่มที่มีอายุมากขึ้นจะมีความชุกของโรคมากขึ้นในกลุ่มอายุ ทั้งเพศชายและเพศหญิง สำหรับความชุกของภาวะหัวใจล้มเหลว จำแนกตามอายุและเพศพบว่า ในกลุ่มผู้สูงอายุจะพบมากทั้งเพศชายและเพศหญิง จากตารางข้อมูลอัตราการตายจากโรคหัวใจและโรคมะเร็ง และในภาพรวมตามอัตราการตายจากโรคหัวใจก็มีมากกว่าด้วย
นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.วีนัส ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจแสดงอัตราเสี่ยงต่อหัวใจจำแนกตามอายุ ซึ่งจำแนกตามระดับของปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ของ Framing Heart ของ wilson, 1998 จะพบว่า แบ่งปัจจัยเสี่ยงของคนในกลุ่มต่างๆได้ ดังนี้ |