วันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 เวลา 13.00 น. ณ ห้อง 501 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นศูนย์กลางความร่วมมือครั้งสำคัญ ผนึกกำลังร่วมกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน และกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พร้อมสถานประกอบการต้นแบบระดับประเทศ จัดประชุมทบทวนความเป็นไปได้ในการใช้เครื่องมือประเมินคุณภาพสถานประกอบการต้นแบบสนับสนุนการส่งเสริมสุขภาพหญิงวัยเจริญพันธุ์และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
รองศาสตราจารย์ ดร.เอมพร รตินธร คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า โครงการสถานประกอบการต้นแบบฯ ได้รับความร่วมมืออย่างแข็งขันจากทั้งสองกรม และจากสถานประกอบการชั้นนำ 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท แกมม่า อินดัสตรี้ส์ จำกัด บริษัท เทพผดุงพร มะพร้าว จำกัด และ บริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล สตอเรจ เทคโนโลยีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ร่วมสะท้อนสถานการณ์จริงจากภาคปฏิบัติ เพื่อช่วยประเมินเกณฑ์คุณภาพการดูแลสุขภาพสตรีและการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในที่ทำงาน และร่วมกันผลักดันให้เกิด “ต้นแบบที่เป็นไปได้จริง” ในระดับประเทศ
การประชุมครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิหลากหลายสาขาเข้าร่วมให้ข้อเสนอแนะอย่างเข้มข้น อาทินายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมสุขภาพจิต คุณณัฐกานต์ สิงห์คะ ผู้อำนวยการกลุ่มงานพัฒนาระบบมาตรฐานแรงงาน สำนักพัฒนามาตรฐานแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน คุณสุภี สีทองทาบ นักวิชาการแรงงานชำนาญการ กองสวัสดิการแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน คุณชนัญชิดา สมสุข นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย ดร.บวรวิทย์ โรจน์สุวรรณ คุณนริสา ตรีเนตร หัวหน้านักวิชาการ สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ และคุณทัชชะพงษ์ อัศวพรหมธาดา เจ้าหน้าที่ขายและบริการลูกค้าอาวุโส สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ ทุกฝ่ายต่างร่วมระดมมุมมองเชิงวิชาการและข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติอย่างรอบด้าน เพื่อพัฒนาเครื่องมือประเมินให้มีความเที่ยงตรง ใช้งานได้จริง และตอบโจทย์สถานประกอบการทุกขนาด
การแลกเปลี่ยนเชิงลึกในวันนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่โมเดล “สถานประกอบการต้นแบบ” ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานหญิงวัยเจริญพันธุ์ เสริมระบบสนับสนุนแม่ให้นมลูก พร้อมทั้งสร้างประโยชน์ตรงทั้งต่อบุคลากร องค์กร และสังคมในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม โครงการนี้นับเป็นอีกหนึ่งพลังขับเคลื่อนที่สะท้อนว่า การดูแลสุขภาพแม่และเด็ก ไม่ได้เป็นเพียงบทบาทของภาครัฐ หากแต่เป็นพันธกิจร่วมกันของทุกภาคส่วน เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของประเทศอย่างแท้จริง




















