ประวัติความเป็นมา

คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ได้วิวัฒนาการมาจาก โรงเรียนหญิงแพทย์ผดุงครรภ์ แลการพยาบาลไข้ ได้รับพระราชทานกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2439 โดยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นับเป็นโรงเรียนผดุงครรภ์และหญิงพยาบาลแห่งแรกในประเทศไทย
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ทรงเห็นว่าวิชาแพทย์ผดุงครรภ์มีความจำเป็นแก่ชีวิตของสตรี เนื่องจากในสมัยนั้นสตรีต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมากจากการคลอดบุตร จึงได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ตั้งโรงเรียนเพื่ออบรมผดุงครรภ์ขึ้นในบริเวณโรงพยาบาลศิริราชเริ่มเปิดทำการสอน เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2439 โดยใช้ชื่อว่า “ โรงเรียนหญิงแพทย์ผดุงครรภ์แลการพยาบาลไข้ ” สังกัดกรมศึกษาธิการ
ซึ่งต่อมาเรียกว่ากระทรวงธรรมการ และทรงโปรดเกล้าฯให้ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ เป็นผู้อำนวยการคนแรก การศึกษาวิชาการพยาบาลจึงได้เริ่มต้นตั้งแต่บัดนั้น ในระยะต่อมาโรงเรียนได้พัฒนามาเป็นลำดับจนเป็น “ โรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย คณะแพทยศาสตรศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ” ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานนามเป็น “ มหาวิทยาลัยมหิดล ” ในปี พ.ศ. 2512
พ.ศ. 2515 โรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย คณะแพทยศาสตรศิริราชพยาบาลได้รับอนุมัติให้ยกวิทยฐานะเป็น “ คณะพยาบาลศาสตร์ ” เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน นับเป็นคณะที่ 13 ของ มหาวิทยาลัยมหิดล ตามหนังสือราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ หน้า 18 เล่ม 89 ตอนที่ 103 ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 7 กรกฎาคม 2515 โดยมีนางสงวนสุข ฉันทวงศ์ เป็นคณบดีคนแรก และมีวิวัฒนาการเรื่อยมาตามการเปลี่ยนแปลงของสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ความก้าวหน้าทางการศึกษา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีตามลำดับจนถึงปัจจุบัน


นับตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนฯ คณะพยาบาลศาสตร์ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์อย่างต่อเนื่อง จนในปีพุทธศักราช 2552 คณะพยาบาลศาสตร์ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการพระราชทานเงินทุนในการก่อสร้างอาคารใหม่ของคณะพยาบาลศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จาก“บัญชีสมเด็จพระศรีฯ โดยสำนักพระราชวัง” เป็นจำนวนเงิน 613,258,900 บาท (หกร้อยสิบสามล้านสองแสนห้าหมื่นแปดพันเก้าร้อยบาทถ้วน) จากกองทุนดังกล่าว ให้คณะพยาบาลศาสตร์ เพื่อการก่อสร้าง “อาคารมหิดลอดุลยเดช-พระศรีนครินทร” ณ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา เนื่องจากทรงเห็นว่าสมเด็จ พระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเป็นศิษย์เก่าที่สำเร็จการศึกษาพยาบาลจากสถาบันการศึกษาแห่งนี้ การพระราชทานเงินแก่คณะพยาบาลศาสตร์ สำหรับสร้างอาคารใหม่เพื่อผลิตพยาบาลวิชาชีพที่มีคุณภาพออกไปดูแลสุขภาพประชาชนไทย จะเป็นการสืบสานพระราชปณิธานที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อปวงชนชาวไทย และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของประชาชนที่ทูลเกล้าฯ ถวายเงินในงานพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี


อาคาร “มหิดลอดุลยเดช-พระศรีนครินทร” เป็นอาคารแฝด 2 หลัง เชื่อมต่อกัน มีความสูง 6 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยรวม 29,941.10 ตารางเมตร มีห้องประชุมใหญ่บริเวณ ชั้น 5 ของอาคาร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อว่า “ภัทรมหาราชการุณย์”
อาคารก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปีพุทธศักราช 2555 ซึ่งเป็นปีแห่งการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาส 150 ปี พระราชสมภพ สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า และ 120 ปี พระราชสมภพ สมเด็จพระ มหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก คณะพยาบาลศาสตร์จึงได้จัดสร้าง “หอพระราชประวัติศรีสวรินทิราราชภักดี” และ “หอพระราชประวัติบรมราชบุพการีกิตติประกาศ” ณ บริเวณชั้น 1 ภายในอาคารนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทั้งสามพระองค์ทรงมีต่อคณะพยาบาลศาสตร์ และวิชาชีพการพยาบาลไทย และเพื่อเผยแผ่พระเกียรติคุณให้เกิดแรงบันดาลใจแก่อนุชนรุ่นหลัง ในการมีจิตวิญญาณของการเป็น “ผู้ให้” โดยยึดถือประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นหลัก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับเป็นองค์ประธานที่ปรึกษาในการจัดสร้างจนเสร็จสมบูรณ์ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด“อาคารมหิดลอดุลยเดช-พระศรีนครินทร” “หอพระราชประวัติศรีสวรินทิราราชภักดี” และ “หอพระราชประวัติบรมราชบุพการีกิตติประกาศ” เมื่อวันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พุทธศักราช 2556
ในวันที่ 21 ตุลาคม 2556 ซึ่งเป็น “วันพยาบาลแห่งชาติ” พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินจาก “บัญชีสมเด็จพระศรีฯ โดยสำนักพระราชวัง” อีกจำนวน 202,736,842.81 บาท (สองร้อยสองล้านเจ็ดแสนสามหมื่นหกพันแปดร้อยสี่สิบสองบาทแปดสิบเอ็ดสตางค์) ให้คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อเป็นกองทุนบำรุงรักษาอาคารมหิดลอดุลยเดช-พระศรีนครินทร ให้มีความสง่างามสมพระเกียรติ และสร้างประโยชน์แก่ประชาชนชาวไทยอย่างยั่งยืน อีกทั้งเพื่อสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมอย่างหาที่สุดมิได้ ต่อคณะพยาบาลศาสตร์ และวิชาชีพการพยาบาลไทย